เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2547 ซึ่งรับรองว่าเป็นเรื่องจริงและไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีนักที่นำมาใช้ในด้านนี้
วันหนึงที่รุ่นพี่ของผม กทม. เค้าไปพบกับขุนแผนหลวงพ่อมีวัดมารวิชัย ที่ศูนย์พระเครื่องแห่งหนึ่งบนห้าง คุยกันนานพอสมควรครับ ทำให้รุ่นพี่ผมตกลงเช่าบูชามาทดลองพุทธคุณตามที่เจ้าของศูนย์บอกในราคาxxxx บาท (ลืมบอกไปที่ศูนย์มี 2 องค์ครับ เจ้าของใช้องค์นึง แล้วก็แบ่งไว้ให้เช่าอีกองค์) ขุนแผนรุ่นนี้หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย และ ครูบาดวงดี จ.เชียงใหม่ เสก โดยอาจารย์เม้ง ขุนแผน ท่านทำถวาย หลังจากได้มาก็ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์มากนัก เพราะพี่เค้าก็วุ่นกับงานไม่ค่อยมีเวลาเที่ยว แต่พออาทิตย์ต่อมาเมื่อพี่เค้ามาทำงานที่ต่างจังหวัดทางภาคอีสานกับผม วันแรกที่เดินทางมาถึง ไปพบกับเจ้านายที่โรงแรมเพื่อกินข้าวและเชียร์บอลกันตามปกติ พอดูบอลเสร็จ กำลังจะเดินออกจากโรงแรมก็มีสาวใหญ่น่ารัก แต่งตัวภูมิฐานเดินมาคุยด้วย ถามไปถามมาได้ความว่ามาจากนครสวรรค์มาประชุมที่โรงแรม ไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน จากนั้นก็ชวนรุ่นพี่ผมไปเที่ยวซะดื้อๆ เล่นเอาเจ้านายผมกับผมได้แต่ทำตาปริบๆ สรุปเป็นว่าไปเที่ยวเสร็จแทนที่พี่เค้าจะกลับมานอนที่พักที่เตรียมไว้ให้ แกดันต้องไปเปิดโรงแรมที่เราไปกินข้าวกับเจ้านายซะงั้น เพราะสาวคนนั้นเค้ามากะรุ่นน้อง (อ่า...รุ่นน้อง เธอเป็นกระเทยอ่ะครับ เลยต้องหาห้องใหม่นอนคุกัน) พอวันรุ่งขึ้นผมไปรับแกมาทำงานตามปกติครับ พอตกเย็นแกก็ชวนผมไปเที่ยวที่แกไปมาเมื่อคืน อีกแระวันนี้ ปรากฏว่าน้องนักศึกษามหาลัยโต๊ะข้างๆ ที่มากันสองคนเหล่มาทางแกอีกแระ เด็กในบริษัทที่มาด้วยก็เลยไปทาบทามให้แก ซักพักผมเดินออกไปห้องน้ำกลับมาถึงโต๊ะ ปรากฏว่าแกแวลไปกะเด็กโต๊ะข้างซะแล้ว โอ...ผมเลยต้องกลับที่พักคนเดียวอีกแล้ว พอเจอกันตอนเช้าพี่แกก้อยิ้มกลุ้มกลิ่มออกมาหาที่หน้างานแต่เช้า ผมก็เลยพูดประชดไปว่ามีของดีอะไรก็เช่ามาฝากน้องฝากนุ่งบางสิ ใช้คนเดียวไม่แบ่งนี่ประเดี๋ยวแช่งให้แฟนจับได้ซะเลย แกก็เลยปล่อยก๊าก...ก่อนที่จะรับปากว่า เออ...กลับ กทม. จะเช่ามาให้ หลังจากนั้นไปเกือบอาทิตย์ แกโทรมาบอกว่า ตอนนี้อยู่ที่ร้าน มีเหลือองค์เดียวเอาไหม เป็นของเจ้าของร้านนะ เค้าตัดใจให้เช่า เลี่ยมเข้ากรอบแล้ว ให้บูชาต่อตอนนั้นผมก็ไม่รู้อ่ะครับ ถ้าได้ผลแบบรุ่นพี่แค่พันจะเสียดายทำไม ผมเลยตอบตกลงไป เดี๋ยวอีกสองสามวันผมจะเข้า กทม. อยู่แล้ว เดี๋ยวผมแวะไปเอาเองไม่ต้องส่งมาให้
พอถึงวันที่ต้องลงมาเคลียงานที่
กทม. ช่วงเช้าผมต้องแก้ไขปัญหาที่หน้างานกับน้องๆในบริษัท
พอตกเย็นน้องในบริษัทคนนึง
เค้าโทรชวนรุ่นพี่เค้าที่เคยทำงานกับผมมากินข้าวเย็นด้วย เด็กคนนี้ไม่สวยมากครับ
แต่ดูน่ารักใช้ได้ ซึ่งผมเองก็แอบมองอยู่สมัยที่เค้าเคยร่วมงานกับผม
แต่ทำไรมากไม่ได้ เพราะเธอไม่เล่นด้วย ก็เธอดันรู้ว่าผมมีแฟนอยู่แล้วครับ
บังเอิญก่อนไปกินข้าวนั้นผมแอบดอดไปรับขุนแผนกับรุ่นพี่มาก่อน
เผื่อว่าจะได้ลองใช้ซะหน่อย แถมระหว่างทางปลุกแล้วอธิฐานเสร็จสรรพ
เรานัดกันที่ร้านอาหารใกล้ที่พักรุ่นพี่ของน้องที่อยู่ในออฟฟิศ
เพื่อให้เค้าเดินทางง่ายๆ ตอนกินข้าวก็ไม่มีอะไรมากมายครับ
แอลกอฮอลล์ก็ไม่ได้ดื่มกันมาก ดึกพอสมควรผมเลยขอตัวขับรถไปส่งน้องๆ ในออฟฟิศ
พอถึงคิวที่จะส่งเด็กคนนั้น ผมก็แกล้วง่วงแกล้งเหนื่อย แล้วก็ขอด้วยค้างดื้อ
เธอเงียบไปพักนึง ก่อนที่จะตอบว่าได้ค่ะ แต่ต้องให้น้องที่ออฟฟิศผมอยู่ด้วย
ผมตอบโอเคโดยไม่ต้องคิดครับ เราขับรถมาจะถึงที่พักของเด็กคนนั้นอยู่แล้ว อยู่ๆ
น้องที่ออฟฟิศผมบ่นอยากก๊งเบียร์ขึ้นมา เอาก็เอาตามใจ เลยต้องจอดรถแวะซื้อ
พอมาถึงอพาตเม้น เด็กคนนั้นก็ขอตัวไปอาบน้ำ ปล่อยให้ผมนั่งมองน้องที่ออฟฟิศ
กระดกแก้วเบียร์อยู่หน้าโทรทัศน์ พอเธออาบเสร็จ ผมก็เลยไปอาบมั่ง
ระหว่างที่อาบน้ำได้ยินเสียงคุยกันว่าให้ผมไปนอนข้างล่าง
ส่วนน้องที่ออฟฟิศกับเค้าจะนอนบนเตียง กรรม...ท่าทางจะอดได้กอดซะแล้วหรือเรา
ผมเลยล้วงกระเป๋าหยิบเอาขุนแผนพรายกุมารขึ้นมาปลุกอีกรอบพร้อมกับตั้งสมาธิ ขอให้
ได้นอนเด็กคนนั้นสักคืน (จะทำไรคงไม่สะดวก เพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย) พอผมอาบเสร็จ
น้องที่ออฟฟิศก็เลยเดินโซเซไปอาบ ผมเลยใช้จังหวะนี้คุยกับเด็กคนนั้นแบบใกล้ชิด
ป้อนนั่นป้อนนี่เข้าปาก หยอกไปหยอกมา แบบถึงตัว ตอนแรกเธอก็ขัดขืนครับ
แต่สักพักเธอก็อ่อนลงปล่อยให้มือผมซนได้ไปทั่วตัวเธอ
แต่เราต้องแยกกันแบบวงแตกเมื่อเจ้าน้องที่ออฟฟิศเดินขยี้ตาออกมาจากห้องน้ำ
ดูเหมือนจะเมาได้ที่แล้ว พอเดินมาถึงเตียงก็สิ้นสติ หลับไปซะงัน
แต่ก็ยังอุตส่าห์นอนตรงกลางกั้นเราไว้อีก แต่เนื่องจากเตียงใหญ่มาก
หัวเจ้านั่นเลยมาถึงแต่กลางเตียง ห้อยขาเอาไว้กับขอบเตียง ผมจึงเดินไปปิดไฟ
แล้วเดินมานอนบนเตียงเอาดื้อๆ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร
ที่สำคัญหมอนน่ะมีแค่ใบเดียวซึ่งใหญ่พอที่เราสองคนหนุนด้วยกันได้
ตอนแรกเธอก็คงอายๆครับ ผมเลยชวนคุยเรื่องนู่นเรื่องนี่ไปเรื่อยๆ
มือก็ลูบที่หัวเธอเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมาจับที่หน้าเธอ
(อ่า...คือจะหาว่าริมฝีปากเธออยู่ไหนน่ะครับ) รอจังหวะที่เธอคุยกบผม
ผมจึงรีบจูบเธอทันที่ เธอตกใจและเกร็งไปแปปนึง ก่อนที่เธอจะเผลอลืมตัวจูบตอบ
พร้อมกับเอื้อมมือมาโน้มคอผมไว้ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำไรต่อ
เจ้าน้องที่ออฟฟิศที่สลบด้วยฤทธิ์เบียร์ก็ลุกขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
แล้วก็โวยวายเหมือนคนบ้าว่าโดนผีเด็กวิ่งไล่ ลุกขึ้นมาหอบเหมือนคนวิ่งพึ่งหยุด
แล้วก็บอกไม่เอาแล้ว ขอไปนอนชิดผนังด้านในดีกว่ากลัวผี
ผมงี้เหงื่อแตกเลยไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรายกุมารหรือเปล่า
เลยตั้งสมาธินึกถึงคุณหลวงปู่ธีร์ที่ตัวเองนับถือ บริกรรมคาถามงกุฏพระเจ้า
แล้วเป่าไปที่หัวให้น้องที่ออฟฟิศ
เค้าเลยสงบแล้วกลับไปนอนต่ออย่างเดิมที่ริมห้องด้านใน คืนนั้นผมเลยได้กอดสาวสมใจ
แม้จะไม่ได้มีอะไรกันแต่ผมก็ได้สำรวจร่างกายเธอจะทุกมุมจนพอใจ
รุ่งเช้าเราจึงแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง ส่วนผมก็เดินทางกลับไปคุมงานที่ต่างจังหวัดต่อ
ปล.
พิธีที่เชียงใหม่ ตอนเสกมีเสียงคนวิ่งบนเพดานโบสถ์ทั้งพิธี
พอจบพิธีถ่ายรูปก็ติดผู้หญิงมายิ้มด้วย และมีเพื่อน อ.เม้งมาหาร้องไห้ว่าแฟนหนีไป
ท่านก็ให้ไปใช้ อาทิตย์ต่อมาก็มายื่นการด์แต่งงานให้อ.เม้ง
ทำให้แปลกใจกันไปตามๆกัน คนที่เอาไปแล้วส่วนใหญ่จะมาเก็บเพิ่ม
เพราะบอกว่ามีตัวตนมีคนนึงเอาไปเขาโทรมาบอกว่า มีคนมากอด หอมแก้มเขา
เพราะคนที่รับไปเขาไปทำบุญให้ เลยมาขอบคุณ บางคนเจอมาเดินเลยครับ
ส่วนน้องผมเจอกุมารที่ติดมา เขาบอกว่ามีเด็กมาเล่นมือเขาตอนนอน มาเคาะประตูเรียก
บางคนเอาไปก็ไม่เจอ ไม่มีสื่อครับ แต่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวว่าเสน่ห์ยอดเยี่ยม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น